กำเนิดโลก
โลกของเรามีอายุประมาณ ๔,๖๐๐ ล้านปี นักวิทยาศาสตร์เชื่อว่าโลกเคยเป็นส่วนหนึ่งของ ดวงอาทิตย์มาก่อน แล้วแตกหลุดออกมาหมุนคว้างอยู่กลางอวกาศ จากนั้นโลกก็ค่อยๆเย็นลง พื้นผิว ภายนอกเปลี่ยนไปเป็นหินแข็งแต่ภายในเป็นของเหลวร้อนจัด
มนุษย์เกิดขึ้นบนโลก เกิดสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมบนโลก
ไดโนเสาร์สูญพันธุ์หมดไปยุคไดโนเสาร์ครองโลกพวกสัตว์สะเทินน้ำสะเทินบกเกิดขึ้นบนโลกโดยมีวิวัฒนาการมาจากปลา
เมื่อ ๕๙๐ ล้านปีมาแล้วเกิดมีพืชบก
ไดโนเสาร์สูญพันธุ์หมดไปยุคไดโนเสาร์ครองโลกพวกสัตว์สะเทินน้ำสะเทินบกเกิดขึ้นบนโลกโดยมีวิวัฒนาการมาจากปลา
เมื่อ ๕๙๐ ล้านปีมาแล้วเกิดมีพืชบก
โลกเมื่อ ๑,๑๕๐ ล้านปีมาแล้ว เกิดมีพวกสัตว์มีเปลือกแข็ง เช่น หอย ปะการังปลาดาว บนโลก
ภูเขาไฟระเบิด แผ่นดินไหวทั่วโลก
เมื่อ ๓,๔๕๐ ล้านปีมาแล้ว เริ่มมีสาหร่ายสีเขียว และแบคทีเรียบนโลก
ภูเขาไฟระเบิด แผ่นดินไหวทั่วโลก
เมื่อ ๓,๔๕๐ ล้านปีมาแล้ว เริ่มมีสาหร่ายสีเขียว และแบคทีเรียบนโลก
เริ่มมีสิ่งมีชีวิตเซลล์เดียว เกิดขึ้นในทะเล เมื่อ ๔,๕๐๐ ล้านปีมาแล้ว เกิดมีหินแข็งบนโลก
เมื่อ๔,๖๐๐ล้านปีมาแล้วโลกก่อกำเนิดขึ้น
เมื่อ๔,๖๐๐ล้านปีมาแล้วโลกก่อกำเนิดขึ้น
โลกค่อย ๆ เย็นลง พื้นผิวโลกเริ่มแข็งตัว
เมื่อประมาณ ๕๙๐ ล้านปีมาแล้ว เกิดมีพืชบกรุ่นแรกขึ้นบนโลก พืชบกรุ่นแรกนี้ไม่มีราก อาศัยเกิดเกาะอยู่บนพื้นผิวของก้อนหินริมทะเล มีต้นสาหร่ายทะเลและมอสที่ถูกคลื่นซัดสาดจากทะเลรองรับอยู่ข้างใต้ พืชบกรุ่นแรกนี้เป็นต้นเหตุทำให้หินที่พืชเกิดเกาะอยู่แตกแยกแล้วผุพังกลายเป็นดินสืบเนื่องมาจนทุกวันนี้
สิ่งมีชีวิตสมัยแรกเริ่มเมื่อโลกก่อตัวขึ้นและเย็นลง พื้นผิวของโลกเป็นหินแข็งทั่วไป มีบรรยากาศซึ่งประกอบด้วยก๊าซหลายชนิดห่อหุ้มอยู่โดยรอบอย่างเบาบาง หลายร้อยล้านปีต่อมาจึงเกิดมีน้ำขึ้นบนโลก น้ำเกิดจากการรวมตัวของ ก๊าซไฮโดรเจนและก๊าซออกซิเจน และเมื่อมีน้ำก็มีสิ่งมีชีวิตเกิดขึ้นตามมา เริ่มต้นด้วยพืชเซลล์เดียวในน้ำในระยะต่อมามีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นที่เปลือกโลกเนื่องจากการสั่นสะเทือนอย่างรุนแรงที่ใจกลางของโลก ทำให้พื้นผิวโลกซึ่งเป็นหินแข็งยุบตัวลง แผ่นดินไหวรุนแรงหลายครั้งหลายหนและภูเขาไฟลูกใหญ่ๆระเบิดการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ทำให้พื้นผิวโลกมีลักษณะแปรเปลี่ยนไป ทำให้เกิดมีภูเขา ทุ่งราบแม่น้ำ ทะเลสาบ และทะเล ฯลฯ กลายเป็นทิวทัศน์งดงามหลายล้านปีหลังจากนั้นจึงได้เกิดมีพืชพวกสาหร่ายทะเลขึ้น พืชเหล่านี้บางต้นถูกคลื่นซัดขึ้นไปติดค้างอยู่บนก้อนหินริมฝั่งทะเลอันเป็นจุดเริ่มต้นของพืชบก
ส่วนสัตว์เซลล์เดียวก็เกิดขึ้นในทะเลในระยะเวลาใกล้เคียง ลักษณะทั่วไปของพืชเซลล์เดียวกับสัตว์เซลล์เดียวคล้ายกันมาก กล่าวคือ มีเซลล์เพียงเซลล์เดียว ขนาดเล็กมองด้วยตาเปล่าไม่เห็น อาจอยู่ลำพังเพียงตัวเดียว หรืออยู่รวมกันเป็นกลุ่ม แต่แยกกันหากิน รูปร่างมีทั้งรูปไข่ รูปยาว รูปกลม และรูปร่างไม่แน่นอน สัตว์เซลล์เดียวสมัยแรกเริ่มนี้สามารถเคลื่อนที่ไปได้โดยใช้หนวด หรือขนช่วยโบกพัดน้ำ พาตัวให้เคลื่อนที่ไปขยายพันธุ์โดยการแบ่งตัวออกเป็นสองเช่นเดียวกับการขยายพันธุ์ของพืชเซลล์เดียว
สัตว์เซลล์เดียว
สิ่งที่แตกต่างกันระหว่างพืชเซลล์เดียวและสัตว์เซลล์เดียวก็คือ พืชสามารถสร้างอาหารได้เอง โดยใช้กระบวนการสังเคราะห์แสง เนื่องจากมีสารสีเขียวชื่อว่าคลอโรฟีลล์อยู่ภายในเซลล์ แต่สัตว์เซลล์เดียวไม่มี ต้องกินพืชเซลล์เดียวเป็นอาหารหรือกินสัตว์เซลล์เดียวที่เล็กกว่า หรือกินซากพืชและสัตว์เซลล์เดียวที่ลอยอยู่ในทะเล
สาหร่ายทะเล
จากนั้นสัตว์ในทะเลก็ได้พัฒนารูปร่างต่อไป จากสัตว์เซลล์เดียวเป็นสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลัง เช่น พวกปะการัง ปลาดาว ไทรโลไบต์หรือตัวสามพู ซึ่งไทรโลไบต์ได้สูญพันธุ์หมดไปจากโลกแล้ว
สัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังทวีพันธุ์มากขึ้นเรื่อยๆ อีกสองร้อยล้านปีต่อมาก็เกิดมีหอยทั้งสองฝาและหอยฝาเดียว พวกหมึกทะเล และปลามีปอด ในช่วงนี้เองสัตว์บางชนิดได้คลานจากทะเลขึ้นมาอาศัยบนบก แล้วกลายเป็นสัตว์บกสมัยแรกเริ่มของโลกไป
เมื่อประมาณ ๕๙๐ ล้านปีมาแล้ว เกิดมีพืชบกรุ่นแรกขึ้นบนโลก พืชบกรุ่นแรกนี้ไม่มีราก อาศัยเกิดเกาะอยู่บนพื้นผิวของก้อนหินริมทะเล มีต้นสาหร่ายทะเลและมอสที่ถูกคลื่นซัดสาดจากทะเลรองรับอยู่ข้างใต้ พืชบกรุ่นแรกนี้เป็นต้นเหตุทำให้หินที่พืชเกิดเกาะอยู่แตกแยกแล้วผุพังกลายเป็นดินสืบเนื่องมาจนทุกวันนี้
สิ่งมีชีวิตสมัยแรกเริ่มเมื่อโลกก่อตัวขึ้นและเย็นลง พื้นผิวของโลกเป็นหินแข็งทั่วไป มีบรรยากาศซึ่งประกอบด้วยก๊าซหลายชนิดห่อหุ้มอยู่โดยรอบอย่างเบาบาง หลายร้อยล้านปีต่อมาจึงเกิดมีน้ำขึ้นบนโลก น้ำเกิดจากการรวมตัวของ ก๊าซไฮโดรเจนและก๊าซออกซิเจน และเมื่อมีน้ำก็มีสิ่งมีชีวิตเกิดขึ้นตามมา เริ่มต้นด้วยพืชเซลล์เดียวในน้ำในระยะต่อมามีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นที่เปลือกโลกเนื่องจากการสั่นสะเทือนอย่างรุนแรงที่ใจกลางของโลก ทำให้พื้นผิวโลกซึ่งเป็นหินแข็งยุบตัวลง แผ่นดินไหวรุนแรงหลายครั้งหลายหนและภูเขาไฟลูกใหญ่ๆระเบิดการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ทำให้พื้นผิวโลกมีลักษณะแปรเปลี่ยนไป ทำให้เกิดมีภูเขา ทุ่งราบแม่น้ำ ทะเลสาบ และทะเล ฯลฯ กลายเป็นทิวทัศน์งดงามหลายล้านปีหลังจากนั้นจึงได้เกิดมีพืชพวกสาหร่ายทะเลขึ้น พืชเหล่านี้บางต้นถูกคลื่นซัดขึ้นไปติดค้างอยู่บนก้อนหินริมฝั่งทะเลอันเป็นจุดเริ่มต้นของพืชบก
ส่วนสัตว์เซลล์เดียวก็เกิดขึ้นในทะเลในระยะเวลาใกล้เคียง ลักษณะทั่วไปของพืชเซลล์เดียวกับสัตว์เซลล์เดียวคล้ายกันมาก กล่าวคือ มีเซลล์เพียงเซลล์เดียว ขนาดเล็กมองด้วยตาเปล่าไม่เห็น อาจอยู่ลำพังเพียงตัวเดียว หรืออยู่รวมกันเป็นกลุ่ม แต่แยกกันหากิน รูปร่างมีทั้งรูปไข่ รูปยาว รูปกลม และรูปร่างไม่แน่นอน สัตว์เซลล์เดียวสมัยแรกเริ่มนี้สามารถเคลื่อนที่ไปได้โดยใช้หนวด หรือขนช่วยโบกพัดน้ำ พาตัวให้เคลื่อนที่ไปขยายพันธุ์โดยการแบ่งตัวออกเป็นสองเช่นเดียวกับการขยายพันธุ์ของพืชเซลล์เดียว
สัตว์เซลล์เดียว
สิ่งที่แตกต่างกันระหว่างพืชเซลล์เดียวและสัตว์เซลล์เดียวก็คือ พืชสามารถสร้างอาหารได้เอง โดยใช้กระบวนการสังเคราะห์แสง เนื่องจากมีสารสีเขียวชื่อว่าคลอโรฟีลล์อยู่ภายในเซลล์ แต่สัตว์เซลล์เดียวไม่มี ต้องกินพืชเซลล์เดียวเป็นอาหารหรือกินสัตว์เซลล์เดียวที่เล็กกว่า หรือกินซากพืชและสัตว์เซลล์เดียวที่ลอยอยู่ในทะเล
สาหร่ายทะเล
จากนั้นสัตว์ในทะเลก็ได้พัฒนารูปร่างต่อไป จากสัตว์เซลล์เดียวเป็นสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลัง เช่น พวกปะการัง ปลาดาว ไทรโลไบต์หรือตัวสามพู ซึ่งไทรโลไบต์ได้สูญพันธุ์หมดไปจากโลกแล้ว
สัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังทวีพันธุ์มากขึ้นเรื่อยๆ อีกสองร้อยล้านปีต่อมาก็เกิดมีหอยทั้งสองฝาและหอยฝาเดียว พวกหมึกทะเล และปลามีปอด ในช่วงนี้เองสัตว์บางชนิดได้คลานจากทะเลขึ้นมาอาศัยบนบก แล้วกลายเป็นสัตว์บกสมัยแรกเริ่มของโลกไป
ป่าขนาดย่อมในบริเวณที่ต่ำ แมลงปอยักษ์ในป่า
ซึ่งมีน้ำฝนขังอยู่เมื่อ ๓๗๐ ล้านปีมาแล้ว เมื่อ ๓๐๐ ล้านปีมาแล้ว
ไดโนเสาร์รุ่นแรก ไดโนเสาร์ครองโลกอยู่นาน
เมื่อ ๒๐๐ ล้านปีมาแล้ว ๗๐ ล้านปี จึงสูญพันธุ์หมดไปจากโลก
ซึ่งมีน้ำฝนขังอยู่เมื่อ ๓๗๐ ล้านปีมาแล้ว เมื่อ ๓๐๐ ล้านปีมาแล้ว
ไดโนเสาร์รุ่นแรก ไดโนเสาร์ครองโลกอยู่นาน
เมื่อ ๒๐๐ ล้านปีมาแล้ว ๗๐ ล้านปี จึงสูญพันธุ์หมดไปจากโลก
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น